Uzbekistan-Tajikistan Part 9 Bukhara 19 เมษายน 2567
ทนง ตันชวลิต ทนง ตันชวลิต
367 subscribers
77 views
0

 Published On May 8, 2024

Uzbekistan-Tajikistan
Part 9 Bukhara
19 เมษายน 2567

ออกเดินทางต่อไปเมืองบูคาร่า (Bukhara) นครโบราณที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญทางการค้าบนเส้นทางสายไหม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เป็นเมืองโบราณที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
สร้างอยู่บนเนินเขา เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาในฤดูใบไม้ผลิ เป็นเมืองที่กำเนิดงานเขียนของผู้นับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ เป็นที่อยู่ของบุคคลสำคัญ มีสุเหร่า อนุสาวรีย์ อนุสรณ์สถาน โรงเรียนสอนศาสนา ได้ชื่อเป็นเมืองในเทพนิยาย
ด้วยเมืองตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าที่มีชื่อว่า เส้นทางสายไหม เป็นจุดแวะพักของกองคาราวาน รวมถึงเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลามในเอเชียกลาง ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยังมีลมหายใจ ผู้คนยังมีวิถีชีวิตไม่แตกต่างจากเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยเฉพาะในเขตเมืองเก่า
ยุคทองของบูคารา คือช่วงศตวรรษที่ 10-12 ในยุคราชวงศ์ซามานิดแห่งเปอร์เซีย โดยบูคาราได้รับการยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ปีคศ.1993 ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมองโกล ได้รับเอาวัฒนธรรมฮินดูและอิสลาม ตลอดจนพุทธศาสนาจากอินเดีย

ไปถึงเมืองบูคาร่า ไปโรงแรม Muslima ที่จองไว้ ปรากฏว่า มันปิด ท่านผู้นำติดต่อกับเจ้าของโรงแรม เขามารับเรา บอกว่า ที่นี่ปิดปรับปรุงชั่วคราว จะพาเราไปพักโรงแรมในเครือของเขา ใหม่และดีกว่า
ไปถึง ใหม่และดีกว่าจริง ๆชื่อ Qamar ให้เขาดูโปรแกรม เขาบอก แต่ละที่ไม่ไกลกัน เดินเที่ยวได้ เขาจะเป็นคนพาเที่ยว เขาแนะนำให้เราไป พระราชวัง Sitirai(Moxi-Xozq) พร้อมโชว์รูปให้ดู สวยครับ พวกเราจะไปตอนพรุ่งนี้ แต่เขาขอเวลา 20 นาที เขาจะไปละหมาดก่อน เราตกลงรอเขา ระหว่างรอ ไปกินข้าวกันที่ร้านแถว ๆนั้น

เหมือนเดิม ผมจำไม่ได้ว่า ไปที่ไหนมาบ้าง เดินตามพวกเพื่อน ๆไป ได้ไปหมดทุกที่ตามโปรแกรมไหม ลอกโปรแกรมเอามาให้อ่าน(ที่จำได้มีสองที่แรกนี่แหละ นอกนั้น ไม่รู้ที่ไหนเป็นที่ไหน)

สุสานซามานิดส์ (Samanids Mausoleum) เป็นสุสานโบราณนอกกำแพงเมืองชั้นใน โดยอิสมาอิลซามานิ ผู้ตั้งราชวงศ์และจักรวรรดิซามานิ บัญชาให้สร้างขึ้นระหว่างปลายศตวรรษที่ 9 กับต้นศตวรรษที่ 10 เพื่อฝังศพบิดาและลูกหลานในราชวงศ์ นับเป็นราชสถานฝังศพที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียกลาง สร้างด้วยอาคารก่ออิฐเป็นทรงลูกบาศก์ มีโค้งทวารทั้งสี่ด้าน ส่วนหลังคาก่ออิฐเป็นรูปครึ่งวงกลม และสร้างลวดลายในตัวเองด้วยการก่อเรียงอิฐ ได้รับการยกย่องเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก เพราะเป็นงานศิลปะในยุคอาณาจักรซ็อกเดียน ที่เก่าแก่ยิ่งกว่าสถาปัตยกรรมอิสลาม ดูข้างนอกก็งั้น ๆมองเข้าไปดูข้างใน มืดมองเห็นอะไร พิธีเข้ายุ่งยาก เราเลยไม่เข้าไป

ป้อมปราการอาร์ก (Ark Citadel) เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในบูคาร่า เริ่มจากศตวรรษที่ 5-20 รูปทรงของป้อมปราการที่เห็นในวันนี้เป็นการก่อสร้างต่อเติมขึ้นใหม่ระหว่างปี 1747-1920 เป็นสัญลักษณ์สำคัญแสดงความเป็นรัฐและอำนาจของบูคารา ภายในกำแพงอิฐสูงหนาทึบนี้ มีทั้งพระราชวังของผู้ครองนคร อาคารที่ทำการรัฐบาล บ้านพักขององคมนตรี ท้องพระโรง คุกขังนักโทษ บริเวณลานด้านหน้า คือจัตุรัสเรจิสถาน เคยใช้เป็นลานประหารชีวิต ปัจจุบัน ป้อมปราการอาร์กเป็นพิพิธภันฑ์ แสดงประวัติศาสตร์ของป้อมและเก็บรักษาวัตถุโบราณ อีกทั้งหากขึ้นไปด้านบนของป้อม ยังสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองบูคาราได้อย่างชัดเจนและสวยงาม

สุเหร่าโบโลเฮาส์ (Bolo-Hauz Complex) เป็นอีกสถานที่ ซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรมแห่งบูคาร่า สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง โดดเด่นด้วยเสาไม้สูง 20 ต้น รวมถึงส่วนคานและหลังคาที่สลักเสลาลวดลายเป็นเครือเถาอย่างงดงาม เป็นอาคารเดียวบนจัตุรัสเรจิสถานที่หลงเหลืออยู่ สร้างขึ้นช่วง ค.ศ. 1712-1713 ใช้เป็นมัสยิดสำหรับเจ้าผู้ครองนคร บริเวณด้านหน้าเป็นสระน้ำ บ้างเรียกว่ามัสยิด 40 เสา เนื่องจาก เงาที่สะท้อนเสา 20 ต้นลงในน้ำ

มหาสุเหร่าโพริ กัลยัน (Pori-Kalyan Ensemble) ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบูคาร่า ภายในบริเวณ ประกอบด้วย หอขาน และ สุเหร่า ซึ่งมีความยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียกลาง กล่าวกันว่า แม้แต่เจงกิสข่าน ซึ่งยาตราทัพมาถึงเมืองนี้ยังตะลึงและสั่งห้ามไม่ให้ทำลายหอคอยกัลยัน ปัจจุบัน สุเหร่ากัลยันยังใช้เป็นสถานที่ละหมาดจนถึงทุกวันนี้
โรงเรียนศาสนามิริ-อาหรับ (Miri-Arab Madrassa) โรงเรียนศาสนามิริ-อาหรับ ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับมหาสุเหร่ากัลยัน สร้างขึ้นในศตวรรที่ 16 สมัยราชวงค์ไซบานิค ชื่อของโรงเรียนตั้งตามชื่อของครูสอนศาสนา มิริ-อาหรับ (แปลว่า เจ้าแห่งอาหรับ) ท่านเดินทางมาจากประเทศเยเมน และได้ทำการสอนศาสนาในเมืองบูคาร่า และเป็นผู้มีอำนาจในราชสำนัก

ลาเบียเฮาส์ (Lyab I Hauz) แหล่งโอเอซิสของเมืองประกอบด้วยสระน้ำขนาดกว้าง 2 สระ ที่ขุดขึ้นเพื่อเป็นแหล่งน้ำของเมือง นอกจากนี้ ในอดีตยังเป็นจัตุรัสที่รายล้อมด้วยสุเหร่า โรงเรียนสอนศาสนา และเป็นจัตุรัสการค้าที่คึกคักอย่างมาก
ปัจจุบัน ชาวเมืองนิยมมานั่งพักผ่อน และใช้เป็นจุดนัดพบ รอบสระมีรูปปั้นที่สื่อถึง นิยายพันหนึ่งราตรี ที่เล่าขานโดยนัสรูดินอีกด้วย
เราแค่เดินผ่านเท่านั้น ไม่คิดไปนั่งจิบเบียร์

เดินแถวนั้นจนถึงค่ำ ไม่รู้ใครเดินไปไหนบ้าง ผมเดินบ้างนั่งบ้าง เห็นดนตรีเปิดหมวก ทั้งเป็นวง และเดี่ยวแซกโซโฟน เข้าไปดูเป็นกำลังใจ บริจาคเติมพลังให้เขาได้ดำรงชีวิตต่อไป แม้น้อยนิดก็ยังดี กลับที่พัก

นงชลิต
8/5/15.20
9/5/8.05

show more

Share/Embed