EP.1 เที่ยวคนเดียว ชุมพร ฝน8 แดด4 (ตกรถตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่ยังโชคดีที่...)​
ชีวิตคือการเดินทาง Life is a Journey ชีวิตคือการเดินทาง Life is a Journey
1.1K subscribers
339 views
0

 Published On Aug 7, 2022

ที่นี่... ฝน8 แดด4 ชุมพร-ระนอง
เที่ยวคนเดียว กินคนเดียว เหงาคนเดียว 5 วัน
ทริปนี้.... มันเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นทริปแรกของการออกจากงานและจองด่วนทุกอย่าง มีเวลาเตรียมตัวไม่ถึง1 สัปดาห์​ และเป็นทริปแรกในชีวิตที่เดินทางด้วยคนเดียวแบบ Backpacker
5 วัน 4 คืน กับ 2 จังหวัด ชุมพร-ระนอง

วันที่1....
ผมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง สู่น่านฟ้าชุมพร ด้วยไฟท์​เช้าและไฟท์เดียว เมื่อขา2ข้างเหยียบลงชุมพร ความตื่นเต้นและความท้าทายเข้ามา อย่างไม่หยุด และรวมถึงได้รับการต้อนรับด้วยฝนอย่างเต็มรูปแบบ พอเข้าถึงสนามบินชุมพรรู้สึกปวดท้องเลยขอเข้าห้องน้ำสักแป๊ป​ พอออกมาเท่านั้นแหละ ผู้คนที่บินมาพร้อมเราหายขึ้นรถตู้หมดแล้ว แล้วผมก็ทำการบ้านมาพอสมควรว่าต้องซื้อตั๋วรถตู้ของสนามบินเท่านั้น Fame Tour ที่จะเข้าเมือง ในราคา 150 บาท จากตัวสนามบินที่อยู่อำเภอปะทิวไปอำเภอเมืองด้วยระยะทาง 30 กิโลเมตร พอไปยืนซื้อตั๋วสิ่งแรกที่ได้ยินก็คือว่าตั๋วหมดแล้วค่ะ ไม่มีรถเข้าเมืองแล้ว พอได้ยินคำนี้ก็หน้าชาไปเลยแล้วจะต้องทำยังไงต่อเลยถามทางเจ้าหน้าที่ไป ทางเจ้าหน้าที่แนะนำบอกให้เช่ารถยนต์ขับเข้าเมืองในราคาหลักพัน ซึ่งมันจะผิดแผนทั้งหมดที่วางมาเพราะเราตั้งใจจะขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว จึงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นของสนามบินว่าผมต้องทำยังไง ในกรณีนี้ ที่ไม่มีรถตู้เข้าเมืองแล้ว ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าจะให้คนไปส่งที่ท่ารถอำเภอปะทิว คิด 300 บาท แค่ระยะทาง 10 กิโล และนั่งรถจากท่ารถอำเภอปะทิวเข้าเมืองต่อ ถึงตรงนี้แล้วก็ยังรู้สึกไม่โอเคเพราะมันต้องมาเสียเล็กเสียน้อย เลยขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ต่อว่า มันไม่มีวิธีไหนอีกจริงๆหรอที่ทำให้ผมจะสามารถประหยัดเงินได้มากกว่านี้ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ภาคพื้นสนามบินก็ได้ช่วยเหลือเราจนสุดความสามารถ โดยให้รถตู้ที่อยู่อำเภอปะทิวขับเข้ามาในสนามบินเพื่อมารับผมไปส่งที่อำเภอเมืองด้วยราคา 120 บาท จากที่รู้สึกเฟลมันก็ทำให้ยิ้มได้ เพราะทุกปัญหาที่เข้ามามันรอให้เราแก้ไขอยู่ จากนั้นนั่งรถตู้มาถึงที่สถานีรถไฟชุมพรเพื่อรอรับรถมอเตอร์ไซค์ที่ผมดิวเอาไว้เป็นการเช่ามอเตอร์ไซค์ 2 วันที่ชุมพร ตกวันละ 250 บาท จากนั้นก็ขับไปโรงแรมเพื่อเช็คอินและเปลี่ยนเสื้อผ้าและขอปรับเปลี่ยนแผนใหม่ ออกจากโรงแรมผมตัดสินใจไปกินข้าวมื้อแรกของชุมพรก็คือติ่มซำ ร้านหอเจี๊ยะ รสชาติถือว่าอร่อยราคาไม่แพง 20-30 ต่อ 1ถาด จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ยาวไปอีก 15 กิโลเมตรเพื่อไปที่เขามัทรี ร้านกาแฟถ้ำสิงห์​ ตั้งใจจะไปดูวิวของเมืองชุมพรแล้วนั่งจิบกาแฟเขียนไดอารี่เพลินๆ แต่ก็นั่งได้ไม่นานเพราะทนกับกลิ่นข้างบนที่ไม่พึงประสงค์ ไม่รู้มันคือกินอะไร แต่รู้สึกเวียนหัวมาก ส่วนข้างบนนั้น วิวปากน้ำชุมพรต้องบอกว่ามันสวยจริงๆ มันเห็นถึงความสงบของเมืองรองที่ไม่มีความวุ่นวายอะไรมากมีแต่ความ Local ให้เห็นและมันก็เป็นสิ่งเดียวที่เราปรารถนาเพื่อจะมาเที่ยวเมืองรอง เวลาตอนนั้นก็ราวๆ 16.00 น. ฝนก็โปรยปรายลงมาตลอด ผมจึงตัดสินใจไปอีกที่นึง ถ้าไม่ไปก็คงจะมาไม่ถึงชุมพรแน่ๆ นั่นคือเรือรบลำแรกของประเทศไทยที่ชื่อว่า เรือหลวงชุมพร อยู่ใกล้ๆกับศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต้องบอกว่าถ้าย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนมันก็คงน่าจะทึ่งมากๆที่เรามีเรือรบแบบนี้ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเรือ และสามารถขึ้นไปถ่ายรูปเล่นบนเรือได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเวลาก็ถูกบีบเข้ามาเกือบจะ 18.00 น. ผมจึงต้องรีบออกจากจุดนี้เพื่อกลับเข้าสู่ที่พักเพราะถ้ามันดึกมันจะยากมากกับการเดินทางอย่างนักท่องเที่ยวแบบเรา ขอกลับไปตั้งหลักที่โรงแรมอาบน้ำอีกครั้งแล้วออกมารอบดึกเพื่อหาอะไรกิน ผมได้กินอาหารแถวที่พักได้อยู่ประมาณ 3 ร้าน และคำถามยอดฮิตของคนชุมพรมักถามผมเสมอว่า ทำไมถึงมาเที่ยวชุมพรมาคนเดียวหรอ ชุมพรไม่มีอะไรน่าเที่ยวมากนะ ผมได้แต่ตอบไปสั้นๆว่า ผมมาเพื่อพักผ่อนและมาคุยกับคนที่ไม่รู้จักแค่นี้ก็คือความสุขแล้ว ชุมพรคืนแรกถือว่าประทับใจมากๆก่อนที่วันพรุ่งนี้จะย้ายไปนอนโฮมสเตย์ที่ปากน้ำชุมพร

วันที่2...
ตื่นแต่เช้า เก็บของ ออกไปหากินข้าวเช้าและเตรียมตัวย้ายที่นอนไปนอนโฮมสเตย์ วันที่ 2 ของชุมพรผมตัดสินใจจะไม่ออกไปไหนใดๆทั้งสิ้น ผมตั้งใจแค่ว่าจะไปเก็บบรรยากาศที่โฮมสเตย์ให้มากที่สุด ผมขี่มอเตอร์ไซค์จากโรงแรมไปโฮมสเตย์ที่ปากน้ำระยะทาง 15 กิโลเมตร แต่เป็นการเดินทางไปแบบไม่รีบอยากแวะตรงไหนก็แวะและระหว่างทางที่ได้ไปโฮมสเตย์ก็ได้พบเจอกับอุบัติเหตุรถชนกัน ก็รู้สึกดีใจที่ได้ลงไปช่วยผู้คน ระหว่างทางก่อนไปโฮมสเตย์ตัดสินใจไปนั่งคาเฟ่ชิวๆสัก 1 ร้านก่อนจะเข้าที่พัก Rolly Cafe เป็นคาเฟ่ริมทะเลที่บรรยากาศดีมากราคาแก้วนึง 60-70 บาท พอได้นั่งให้ชื่นใจแล้วก็ไม่ลืมที่จะเขียนไดอารี่ต่อ จากนั้นก็กลับไปเช็คอินที่รับลมชมคลองโฮมสเตย์ ผมจองที่พักในราคา 500 บาทแต่จริงๆมีถูกสุดก็คือ 300 บาทแต่จะเป็นห้องรวม ส่วนของผมเป็นห้องเดี่ยว เมื่อมาถึงโฮมสเตย์ก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้ากับบรรยากาศที่กำลังอยู่ข้างหน้า ไปนอนเปลและนั่งริมคลองเพื่อดูวิถีชีวิตของพี่ๆชาวประมง ส่วนเจ้าของที่โฮมสเตย์นี้ชื่อพี่จ๋า พี่จ๋าก็ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบเราอย่างดีมากให้ข้อมูลทุกอย่างที่เราไม่เคยรู้ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการประมงให้เราฟังว่าทุกอย่างที่เห็นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่เหงาเลยที่ได้มาพักโฮมสเตย์ที่นี่ และไม่ต้องเป็นกังวลว่า อาหารจะกินจากไหนในเมื่อนอนโฮมสเตย์ต้องบอกแบบนี้ว่าราคา 500 นี้เราได้แค่ที่นอนและส่วนกลางของบ้านไม่รวมอาหารนะแต่จะมีอาหารเช้าให้ส่วนรอบเย็นสามารถสั่งอาหารผ่านพี่จ๋าได้เขาจะมีเมนูให้ แล้วออกไปซื้อให้เราและหากอยากกินโรตีหรืออาหารอย่างอื่นพี่จ๋าก็จะพาเราออกไปข้างนอก จุดนี้ยอมรับว่าพี่จ๋าดูแลนักท่องเที่ยวได้ดีจริงๆ ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตั้งแต่บ่ายยันเช้าอีก 1 วัน เก็บความรู้สึกดีๆทั้งหมดที่ได้เห็น ภาพความทรงจำต่างๆที่ได้ดู เอาไว้ในไดอารี่ของผม บางสิ่งไม่อาจเห็นมันด้วยตาแต่เรารับรู้มันด้วยใจ

show more

Share/Embed