ปักกิ่ง ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นไปกว่าห้องน้ำสาธารณะ
และสิ่งที่คิดกลับไม่เจอ และสิ่งที่เจอกลับไม่ได้คิด
ปักกิ่ง-เทียนจิน 5วัน 4คืน

Day1
ปักกิ่งไม่ใช่เป้าหมายแรกที่จะไป แต่เป็นที่สุดท้ายที่ต้องมา เพราะผมเดินทางจากเมืองฮาร์บินด้วยรถไฟกลับมาที่ปักกิ่งในราคา 3,000 บาท เพื่อจะมาใช้ชีวิตอยู่อีก 5 วัน ก่อนอื่นขอพูดตรงๆเลยว่าเมืองจีนและคนจีนตรงต่อเวลามาก รถไฟออกตอน 08.20 น. พอถึงเวลาไม่มีรอแม้แต่นาทีเดียว ใครมาไม่ทันก็ตกรถไฟไป เข้าใจว่ามันก็ต้องเป็นแบบนี้หรือเปล่า ทั่วโลกเค้าก็แบบนี้กัน แต่นี้คือจีนไง ไม่คิดว่าจะเปะได้ขนาดนี้ จากฮาร์บินมาปักกิ่ง ใช้เวลา 5 ชั่วโมงนิดๆ และเวลาที่รถไฟมาจอดสถานีปักกิ่งก็ตรงเปะกับเวลาที่ขึ้นในบอร์ดดิ้งพาส ไม่ขาดและไม่เกินสักนาทีเดียว และความสนุกก็กำลังจะมาถึง เพราะปักกิ่งผู้คนจะต่างจากฮาร์บินแน่ ด้วยเหตุผลว่าเมืองหลวงอาจรวมผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ใช่คนท้องถิ่นเหมือนที่ผ่านๆมา อย่างแรกเดินหาโรงแรมที่ไปพักก่อน ผมพักที่ Yueting Yushe Hotel จากMapบอกว่าไม่ถึง 1 กิโล ติดกับสถานีรถไฟปักกิ่ง ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องการเดินหาโรงแรม ถามใครก็ไม่รู้ ไม่มีใครตอบได้สักคน ต้องใช้ความน่าจะเป็นจากการทำการบ้านมา เพราะโรงแรมที่ผมพักต้องเข้าซอยไปอีก 500 เมตร และเมื่อไปถึงหน้าโรงแรมก็ไม่รู้อีกว่านี้คือโรงแรมที่จะพักหรือเปล่า เพราะไม่มีภาาาอังกฤษสักตัวที่ยืนยันว่านี้คือโรงแรม ต้องตัดสินใจเดินปรี่เข้าไปถามพนักงานว่ามีชื่อผมจองไว้มั้ย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้ห้องพักเป็นที่เรียบร้อย แต่สุดท้ายเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดก้เกิดขึ้นกับผม พนักงานบอกว่าห้องที่คุณจองมาคือห้องที่ไม่มีห้องน้ำและห้องสุขา คุณต้องใช้ห้องน้ำภายในโรงแรมนะ เราก็ได้แต่คิดและก็สงสัยว่าทำไมเราสะเพร่าได้ขนาดนี้ที่จองห้องและไม่ได้ดูว่ามีห้องน้ำหรือไม่มี แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นแบบนี้มันน้อยมาก โรงแรมอะไรจะมีการแยกห้องได้ขนาดนี้ ผมก็ตัดสินใจฝืนใจให้มันจบ โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่สะเพร่า ทนๆเอาแค่อาศัยอาบน้ำ และจู่ๆคำว่าสุขาก็วิ่งเข้ามาในหัว ผมเลยไปถามพนักงานอีกครั้งว่าห้องสุขาอยุ่ไหน จึงได้คำตอบที่พีคกว่าห้องอาบน้ำก็คือ ห้องสุขาต้องไปข้างนอก ข้างนอกนี่คือข้างนอกโรงแรมเลย มันเป็นห้องน้ำสาธารณะ เกิดมาในชีวิตไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้เลย แ

Day2
วันนี้ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปจุดนัดพบรอรถบัส ผมซื้อทัวร์ไปดุกำแพงเมืองจีนไว้ ด่าน มูเถียนยวี่ (Mutianyu Great Wall) จองผ่าน Klook ต้องบอกว่าด่านกำแพงเมืองจีนมีเยอะมาก อันนี้ขึ้นอยู่กับใครอยากไปตรงไหนของกำแพงเมืองจีน แต่ถ้าให้แนะนำเค้าบอกว่าที่นี่ไปง่ายและสวยที่สุด ก็เลยตัดสินใจจองที่นี่ไปในราคา 1,400 บาท ฟรีรถรับส่ง รถมินิบัสที่นั่งไปต่อกำแพงเมืองจีน กระเช้า และค่าตั๋วขึ้นกำแพงเมืองจีน และที่สำคัญไกด์ที่พาไปพูดภาษาอังกฤษได้เป็นไฟ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่อง สอบถามได้ตลอด พอไปถึงไกด์จะให้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงที่ขึ้นไปเดินข้างบน พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ว้าวอะมาก ก็เหมือนในรูป ทอดยาวเป็นหมื่นๆกิโล ถ้าเอาแค่กำแพงเมืองจีนอย่างเดียว พูดให้เห็นภาพก็ประมาณจาก3จังหวัดภาคใต้ยาวมาถึงเชียงราย เดินยังไงก็ไม่สุด ทึ้งในการก่อสร้างสมัยก่อน ไม่แปลกใจทำไมถึงเรียกที่นี่ว่า กำแพงเมืองจีน อยู่ไปอยุ่มาก็ถึงเวลากลับเข้าที่พัก ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 2 ชั่วโมง รถบัสจะนำเรามาส่งที่ Wangfujing เป็นถนนทอดยาว Street Food มีของกินขาย 2 ข้างทางและห้างสรรพสินค้ามากมาย เดินไปแบบมั่วๆจนไปเจอทางที่จะลงไป food court ข้างบนขายหนังสือ และได้ค้นพบร้านชาบูร้านหนึ่ง คิดตามราคาที่ชั่ง มีน้ำซุปให้เลือก 4 อย่างผมเน้นเผ็ดเข้าไว้ และก็ไม่ทำให้ผิเหวังจริงๆสำหรับร้านนี้ อร่อยมาก อร่อยจนต้องกลับมาซ้ำ

Day3
วันนี้รู้สึกเบื่อปักกิ่ง ปักกิ่งมันใหญ่แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ตื่นเต้น ขอออกไปเที่ยวนอกเมืองดีกว่า นั่งรถไฟไปเทียนจินด้วยราคา 700 บาท ไป-กลับ
แบบ One day trip ทันทีที่มาถึงเทียนจินก็รู้สึกว่าให้อารณ์น่าอยู่กว่าปักกิ่งเยอะเลย อากาศรู้สึกหนาวกว่าปักกิ่ง ภูมิศาสตร์ดูดีกว่าเยอะ แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วที่เทียนจินคืออดีตเมืองหลวงของจีน ก่อนจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ปักกิ่ง

Day4
วันนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ปักกิ่ง จะไม่ไปอีกหนึ่งสถานที่คงเป็นไปไม่ได้ พระราชวังต้องห้าม พระราชวังที่เคยใหญ่ที่สุดในโลก และมีประวัติศาสตร์อันแสนยาวนาน ต้องอธิบายตรงนี้ว่า ตั้งแต่เดินออกรถไฟใต้ดินขึ้นมาเราจะรับรู้ถึงความศักดิ์สิทธ์ของสถานที่นี้ได้เลย เจ้าหน้าทหารและตำรวจเยอะมาก ตรวจค้นอย่างละเอียด กล้องวงจรบอกมีเป็น 1,000 ตัว ผมก็เชื่อ เราเดินเล่นที่จัตุรัสเทียนอันเหมินก่อน ดูความยิ่งใหญ่ของสถาที่และเบื้องหน้าเหมาเจ๋อตง แต่ถ้าใครอยากดูพิธีเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสา ให้มาได้ตั้งแต่ตี3ตี4เลยนะ มาจับจองพื้นที่กันก่อน เค้าจะเชิญธงทุกวัน เป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของจีน สักพักก็เดินเข้าไปในพระราชวัง เสียค่าบริการนะครับ ขึ้นอยู่ว่าซื้อทัวร์อะไรมากัน ผมจองผ่าน Klook ในราคา 400 บาท ถามว่าสวยมั้ย มันก็สวย แต่ถามว่าอินมั้ย ผมเฉยๆนะ เพราะเค้าไม่ได้เปิดทุกห้องในนั้น แต่ก็ทึ้งที่สมัยก่อนเค้าสร้างกันได้ขนาดนี้เลยหรอ ไม่มีตะปูสักตัว ใช้เชือกมัดทุกหลัง มีความทนทานมาก ทั้งหมดในพระราชวังมี 9999.5 ห้อง แต่ให้นับจิงๆมันก็ไม่ถึงหรอก เพราะคนจีนเค้านับว่า 4เส้าเท่ากับ1ห้อง และเหตุผลที่ไม่สร้าง 10,000 ห้อง เพราะเชื่อว่าสวรรค์มีทั้งหมด 10,000 ห้อง ถ้าสร้างเท่าสวรรค์จะเป็นการเทียบบารมี ซึ้งมันไม่สมควรอย่างยิ่งกับความเชื่อในสมัยนั้นของราชวงศ์หมิง เดินไปเดินมาก็มาสุดทาง เอาจริงๆก็ไม่ได้อะไรมากมายสำหรับที่นี่ แต่ขากลับที่ต้องเดินย้อนเพื่อมานั่งรถไฟใต้ดินนี่สิ โคตรไกล เดินจนปวดขา และห้องน้ำสาธารณะจีนขอบอกเลยไม่ควรเข้าอย่างยิ่ง ผมเจอมากับตัว พอเดินเข้าไปปุ๊บพบคนกำลังนั่งอุจจาระ คือบ้านเค้าไม่มีประตูปิด นั่งขี้กันให้เห็นๆไปเลย ถ้าเรายื่นฉี่ก็จะถูกมองก้นจากคนนั่งขี้ พูดแล้วก็ฮาจริงๆ พัฒนาบ้านเมืองได้ไกลมากแต่ทำไมไม่พัฒนาห้องน้ำทุกที่ให้ดี