SAPA Winter เที่ยวซาปาตอนฤดูหนาว ฝ่าความเย็นไปพิชิตยอดเขาฟานซิปัน - I am Tripper เราคือนักเดินทาง
ชีวิตคือการเดินทาง Life is a Journey ชีวิตคือการเดินทาง Life is a Journey
1.09K subscribers
53,460 views
0

 Published On Dec 20, 2019

#SAPA #VIETNAM ที่นี่... Little Paris in Sapa
ซาปา เวียดนาม 3วัน 2คืน

Day 1
ใช้เวลาเดินทาง จากสนามบินฮานอย-เมืองซาปา ประมาณ 6ชั่วโมง รวมแวะพักแวะเบรกต่างๆแล้ว เมื่อถึงซาปา สิ่งแรกที่รับรู้ได้เลยคือ อากาศที่โคตรหนาว อุณหภูมิ​ที่วัดได้ตอนนั้น ไม่เกิน8°องศา เค้าส่งเราลงที่ไหนสักแห่ง ละให้เราเดินต่อไปที่พักเอง คือแบบเหมือนโดนทิ้งกลางทาง แต่ในความโชคร้าย​ก็ยังมีความโชคดี​ คนที่นั่งมาด้วยกับเรา เป็นคนเวียดนาม เค้าก็อาสาไปคุยกับคนขับให้ ให้พาเราไปลงที่ Sapa station อย่างน้อยมันก็ยังใกล้กับที่พักที่สุด ดีกว่าจะให้เค้าลงตรงนี้ ต้องขอบคุณคิมมากๆ ที่ช่วยเหลือเราตั้งแต่มาจนถึงเมืองซาปา แต่อย่างว่าอะนะ ต่อให้ลงที่ใกล้ที่พักก็จริง มันก็ไม่ง่ายนะสำหรับนักเดินทางแบบเรา เพราะว่า ถนนตรอกซอยบ้านเค้าเหมือนๆกันไปหมด ไม่รู้จะเริ่มเดินยังไง ทั้งๆทีในMap บอกไม่เกิน5นาทีถึง ถามคนนั้นทีก็ชี้ไปนี้ที ถามคนนี้ทีก็ชี้ไปนั้นที โอ้ยๆๆ ตั้งสติและค่อยๆหาใหม่ กว่าจะเจอเอาพวกเราหัวปั่น​ไปพอสมควร ไหนจะหนาวไหนจะหิว ไหนจะรถก็บีบแตรกันไม่หยุด แต่ทั้งหมดทั้งมวล​ก็สนุกดีนะ ท้าทายดี เมื่อถึงที่พักก็รีบเช็คอิน วางของต่างๆ ละรีบออกมาหาอะไรกิน มื้อแรกฝากท้องไว้ที่ร้านป้า ข้างๆ Sapa station​ เป็นปิ้งย่าง คล้ายๆหม่าล่า อร่อยมาก ขอบอก ประทับใจเลยมื้อเเรก กินเสร็จก็หาเดินเล่นไปทั่วๆ และไปนั่งกินพิซซ่าซาปาต่อ อันนี้ก็อร่อยนะ อร่อยแบบแปลกๆ คืนแรกคงไม่เน้นอะไรมาก ขอปรับสภาพ​ร่างกายก่อน อากาศยิ่งดึกยิ่งหนาว

Day 2
วันนี้มีแพลนไปทั้งหมด 3ที่ คือ Fansipan, Silver​ waterfall, Hamrong ตั้งใจจะตื่นแต่เช้าละรีบไป Fansipan แต่ความหนาวเอาเราขี้เกียจ​ เลยทำให้ล่าช้าไปหน่อย เมื่อมีสติก็รีบอาบน้ำลงมากินข้าว ละรีบทำเวลา เพื่อไปซื้อตั๋วพิชิต​ยอดเขาฟานซิปัน เมื่อมาถึงก็งงแดรกเลยจ้าาาา คนเยอะมาก มากแบบอึดอัดเลย แต่ก็เนาะ ไฮไลท์​ของซาปา ใครๆก็อยากมา เราเลือกมาเมืองนี้ เพราะเห็นว่าอากาศ​ดี กว่าที่ใด เคเบิ้ลคาร์ที่นั่ง ต้องยอมรับจริงๆ สมูท​มาก ไม่มีติดขัด ละยิ่งมองลงมาข้างล่าง โครตรสวย เห็นท้องนาแบบ360°องศา
เราตัดมาถึงข้างบนเลยนะ เรานั่งรถราง รถเคเบิ้ลคาร์ ทั้งหมด2ต่อเพื่อมาถึงข้างบน มันไม่จบแค่นี้ละสิ มีต่ออีก คือนั่งเคเบิ้ลคาร์อีกต่อไปสุดยอดฟานซิปัน ต้องซื้อตั๋วเพิ่มเองนะตรงนี้ หรือไม่ก็มีอีกวิธีคือเดินแบบพวกเรา เพื่อประหยัดเงิน แต่ใครจะไปรู้ว่าการเดินแบบเรามันจะไม่ง่ายนะจ๊ะ เค้าปิดเส้นทางเดินแบบง่ายๆ ให้เราเดินอ้อมกัน คิดดูเดินปกติ แค่1กิโลก็ถึง แต่นี่ให้อ้อม ก็เดินไปสิคะ 2กิโลได้ แต่ก็โอเคนะ ได้เห็นวิว ได้ดูอะไรเรื่อยเปื่อย​ แต่ก็เอาเหนื่อยเหมือนกันนะ ยิ่งจะถึงยิ่งโคตรชัน นี่แหละ เวียดนาม ขายของเก่ง ถ้าซื้อตั๋วรถเคเบิ้ลคาร์ก็คงจบละ แอบคิดในใจ 😁 พอมาถึงยอดเขาฟานซิปัน แน่นอนที่ต้องเจอ ไม่ใช่ป้ายที่จะถ่ายรูปนะ แต่เจอนักท่องเที่ยว​ คือเยอะมาก จนไม่มีพื้นที่ให้ถ่ายภาพสวยๆเลย ต้องใจกล้าหน้าด้านและไม่อาย ถึงจะได้ยืนคู่ป้ายแบบเดี่ยวๆ ไม่มีใครมายืนด้วย แต่คุมนะที่ได้ขึ้นมา คือสวยมาก อากาศดีเว่อร์​ อยู่กันสักพักก็ต้องรีบลง เพราะมีไปต่ออีก2ที่ เพราะตอนนั้นปาไปก็เกือบบ่ายโมงละ ขาลงอันนี้ขอเสียเงินเลย เดินลงไม่ไหวละ ต้องรีบทำเวลา พอลงมาถึงข้างล่างเสร็จ ก็รีบเข้าที่พักก่อน ไปจองมอไซค์ แว้นไป Silver​waterfall กว่าจะได้รถก็เกือบๆบ่าย2 ก็ต้องไปหาอะไรกินก่อน ไปนั่งร้านกาแฟ มั่วแต่หลงความสวยภูเขาที่อยู่ข้างหน้า ดูเวลาอีกที ให้ตาย จะ4โมงแล้ว ให้ไปน้ำตก กว่าจะไปถึงก็คงเย็นแน่ มันประมาณ10กว่ากิโล ไหนจะไปดูพระอาทิต​ย์ตกที่ฮามรองอีก สรุปเลย ตัดสินใจงดทั้ง2ที่ เพราะคิดว่า ไม่ทันแน่ๆ ที่ซาปา5โมงก็มืดแล้ว เลยเบนเข็ม​ทิศใหม่ ไปหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เส้นทางระหว่างไปไม่น่ากลัว แต่น่ากลัวคนขับรถ คือไม่มีน้ำใจกันเลย เราช้าเค้าก็จะชน คือที่ช้าเพราะมันเป็นทางลง เราก็ไม่ชินทาง ไหนจะขี่เลนส์​ขวาอีก กว่าจะถึงหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เอาเราเกือบคว่ำ นึกว่ามาอยู่ในสงคราม ต้องระแวงระวังตลอด พอถึงก็ไม่เข้า เพราะมองไปมันไม่มีอะไรเลย เลยต้องขี่กลับขึ้นมาใหม่ ไปนั่งดูพระอาทิตย์​ตกที่
Sapa Lake ขี่กันจนไม่ไหวละ หนาวเกิน เอารถไปคืน ละเปลี่ยนเป็นเดินแทน หาของอร่อยๆกินดีกว่า พี่ทิพย์​อยากกินซุปปลาแซวม่อน ก็จัดไปสิครับ ของขึ้นชื่อที่นี่ มีหรอเราจะพลาด แต่เอิ่มมม....ไม่เหมือนที่คิดเอาไว้ รสชาติแสนธรรมดาไม่ได้อร่อยเลยหรือไม่รู้ว่าร้านนี้ไม่อร่อยหรือเปล่านะมันก็แล้วแต่ลิ้นคนแหละ ส่วนปิ้งย่างที่สั่งกันมา สารภาพเลยกินได้ไม่มากเพราะมันย่างมาไหม้มาก มื้อที่แสนจะพิเศษสำหรับคืนนี้ กลับเป็นมื้อที่แสนธรรมดาที่สุดในซาปา

Day 3
No plan No Problem วันนี้พวกเราไม่มีแพลนอะไรทั้งสิ้นเน้นแต่ออกไปกินและก็เก็บไฮไลท์ต่างๆที่ยังไม่ได้เก็บในเมืองซาปา เพราะเรามีเวลาอยู่ที่ซาปาไม่เกิน 4 ชั่วโมง เพราะ 16:00 ต้องไปนั่งรถกลับฮานอย วันนี้จึงเลยขอไปอยู่ที่ Sapa Lake ไปยืนดูความสวยความงามสถาปัตยกรรมต่างๆ และอากาศที่โคตรดี จึงได้คำตอบว่า มันไม่แปลกเลย ที่ครั้งหนึ่งฝรั่งเศส เคยยึดเมืองซาปาเป็นที่พักตากอากาศ และฝรั่งเศสเอง ก็ได้ทิ้งลายเซ็นอะไรหลายๆอย่างเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้ดู รวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเรา และแล้ว เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น และเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด เพราะตอนกลับ เราต้องนั่งรถจากซาปาสู่ฮานอย เป็นรถ VIP ที่ถูกจองไว้แล้วทุกอย่าง แต่แล้วซาปาก็เล่นเรา บอกรถ VIP ที่ได้จองไว้ถูกตำรวจจับ จึงต้องเปลี่ยนรถใหม่ให้เราเป็นรถนอนแบบขามา ซึ่งตอนนั้นพวกเราไม่โอเคเป็นอย่างมาก พยายามหาเหตุผลทุกdว่าทำไมถึงไม่ได้ไปแบบ VIP จนสุดท้าย เราตัดสินใจฝืนใจให้เรื่องนี้มันจบ โดยการนั่งรถนอนที่เขาจัดเตรียมให้ กลับสู่ฮานอย มันไม่ได้สบายหรอกแต่ก็ต้องนั่ง เพราะเราไม่มีทางเลือกไหนอีกแล้ว แอบเจ็บแต่เก็บอาการ

show more

Share/Embed