อริยสัจ 4 สรุปสมาธิขั้นสูง ฝึกจิตสู่ โสดาบัน - พระอรหันต์ โดยหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
Ami & Joe Happy TV Ami & Joe Happy TV
73.7K subscribers
50,068 views
1.4K

 Published On Mar 13, 2024

แบ่งปันบันทึกเสียงคำเทศสอนหลวงพ่อวิริยังค์ ท่านได้สอนการฝึกจิตระดับสูง อริยสัจ 4 ฝึกจิต ตั้งแต่โสดาบัน - พระอรหัสต์

อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ หรือ ความจริง 4 ประการอันทำให้บุคคลผู้เห็นเป็นผู้ประเสริฐ

ฝึกสมาธิให้เจอ ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้ดู หรือ ธาตุรู้ และฝึก ผู้รู้ นี้ให้เห็นแจ้งสัจธรรมในอริยสัจ 4 เกิดปัญญาภายใน (ตาทิพย์ ญาณทัศน) คือ ฝึกจิตให้เห็นและรู้ในอริยสัจ 4 (จิต คือ ผู้รู้)

อริยสัจ 4 คือความจริงที่มีอยู่คู่โลกแต่ไม่มีใครเห็นจนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ รู้และเห็น แล้วทรงชี้ให้เราดู ได้แก่
1. ทุกข์ คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจต่าง ๆ
2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่ง
4. มรรค คือ วิธีปฏิบัติเพื่อไปสู่ความดับทุกข์

อริยสัจ หรือ จตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 ข้อปฏิบัติอันเป็นกลาง
ที่พระโคตมพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งย่อมเป็นไปเพื่อเข้าไปสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อความดับ และ เพื่อนิพพาน เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ

1.ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5 ⠀ ⠀⠀ ⠀ ⠀

2.สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์อย่างแท้จริง คือ ความทะยานอยาก ทำให้มีภพอีก เป็นไปกับความกำหนัด

ด้วยอำนาจความเพลิดเพลิน เพลินยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ ⠀
⠀⠀ ⠀ ⠀
3.นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ( ก็ข้อนี้แลเป็นความดับทุกข์ ) ( ความดับโดยสิ้นกำหนัด โดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละใด ) จาโค ความสละตัณหานั้น , ปะฏินิสสัคโค ความวางตัณหานั้น , มุตติ การปล่อยตัณหานั้น , อะนาละโย ความไม่พัวพันแห่งตัณหานั้น ⠀ ⠀

4.มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่นิโรธหรือนำไปถึงความดับทุกข์ ความดับโดยสิ้นกำหนัด โดยไม่เหลือแห่งตัณหา มีองค์ประกอบอยู่แปดประการ
คือ
1. สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ
2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ
4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ
5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ
7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
8. สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ

ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง ⠀ ⠀
มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้
1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ
2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ

กิจในอริยสัจ 4 ได้แก่
1.ปริญญา - ทุกข์ ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา

2.ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ

3.สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย

4.ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมาย

กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ

ที่มาคำแปล วิกิพีเดีย

show more

Share/Embed