Daniele Youtuber หนุ่มชาวอังกฤษเชื้อสายเอเชีย ที่มีผู้ติดตามหลักแสน ตั้งใจที่จะเดินทางไปอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ประเทศในฝันของเขาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยการที่จุดหมายปลายทาง ต้องปิดประเทศเป็นการชั่วคราว จากสถานการณ์โรคโควิด 19 ทำให้แผนการเดินทางต้องเปลี่ยนไป และส่งผลให้ชีวิตของเขา ต้องต่างออกไปจากที่เคยจินตนาการเอาไว้ หลังจากที่ได้แวะเข้ามาอยู่ในเมืองไทยเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงเพื่อที่จะรอให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ แต่พอได้เข้ามาลองใช้ชีวิตที่นี่อยู่สักพัก มันกลับทำให้เขาล้มเลิกการเดินทางไปอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ตามแผนเดิมที่วางเอาไว้ และก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะไปอยู่ที่นั่นอีกต่อไป นั่นทำให้เขาอยากจะออกมาเปิดเผยความรู้สึกต่างๆ หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยมาแล้วเกือบ 1 ปี

ก่อนอื่น เราขอเล่าเกี่ยวกับพื้นหลังของแดเนียล ให้ได้ทราบกันก่อนว่า เขาเป็นคนที่แตกต่างจาก Youtuber ส่วนใหญ่ ที่มักจะชอบนำเสนอเรื่องราวในชีวิตประจำวัน จากการที่ได้ไปท่องเที่ยวหรือพบปะผู้คน แต่สำหรับแดเนียลแล้ว นั่นคือจุดด้อยของเขา เพราะตัวของเขาเอง มีอาการที่เรียกว่า แอสเพอร์เกอร์ ซึ่งเป็นอาการของออทิซื่มแบบอ่อนๆ ที่หากมองจากภายนอกเผินๆ จะดูปกติดีทุกอย่าง แต่จริงๆแล้ว ยังมีปัญหาบางอย่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป เช่น การไม่ต้องการพบปะคนแปลกหน้า หรือหาเพื่อนใหม่ๆได้ยาก มีโลกส่วนตัวสูง มีความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับสังคม หรือแม้แต่การมีปัญหาในการสื่อสารกับคนทั่วไป นั่นจึงทำให้เขากลายเป็น gamer ไปโดยอัตโนมัติ ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นเกมและอยู่กับตัวเองในห้อง ที่เขามองว่ามันเป็นความสุขที่สุดแล้ว บางทีก็นึกสนุกแต่งหญิงขึ้นมาเล่นๆเพราะหน้าตาให้ นั่นทำให้มุมมองต่างๆที่แสดงออกมา จะเป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องสนใจว่า ใครจะชอบหรือไม่ หรือเป็นการเอาใจคนดูท้องถิ่น เหมือนที่ Youtuber ต่างชาติหลายคนมักจะทำกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะชอบอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร แต่เขาก็ยังมีแฟนสาวเหมือนคนทั่วไป และที่ผ่านมา ก็มีไปแล้วหลายคน รวมถึงการแต่งและหย่ามาแล้วด้วย

แดเนียลเริ่มต้นคลิปด้วยการพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า สำหรับคนที่ไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อน หรืออาจจะเคยมา แต่เป็นทริปสั้นๆ อาจจะมองว่าเมืองไทยมีชื่อในเรื่องสาวประเภทสองหรือที่เที่ยวกลางคืนสำหรับผู้ใหญ่ ที่มันอาจจะฟังดูว่าไทยมีวัฒนธรรมในทางที่เสื่อมเสีย แดเนียลบอกว่า มันแปลกมากที่คนคิดกันแบบนั้น เพราะเรื่องพวกนี้มันมีอยู่ทั่วโลก แต่กลับไม่ดังเหมือนอย่างที่นี่ ซึ่งเขาไม่คิดว่า จริงๆแล้ว ประเทศไทยจะเป็นแบบนั้น เพราะมันเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆเท่านั้นเอง กรุงเทพก็เป็นเหมือนเมืองปกติทั่วไป มีประชากรหลายล้านคน มีไม่กี่ย่านที่เป็นแหล่งอบายมุข อย่างนานาพลาซ่า ซอยคาวบอย มีแค่ 2 ย่านใหญ่ๆเท่านั้นเองจากในกรุงเทพฯทั้งหมด แต่คนมักจะคิดว่า 2% ของเมือง สะท้อนภาพทั้งหมดของประเทศ ซึ่งมันเป็นความคิดที่พึลึกสำหรับตัวเขา และสิ่งที่ทำให้เขามาคิดถึงเรื่องนี้ ก็เพราะมี Youtuber ชาวอเมริกันคนหนึ่ง ถอดเสื้อผ้าของเขาออก และให้แฟนสาวเต้นในท่าทางที่น่ารังเกียจ ในร้านอาหารของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะถูกตำรวจรวบตัวและให้อยู่ในห้องขัง 2-3 วัน ก่อนที่จะถูกประกันตัวออกไป แต่ก็ยังต้องติดอยู่ในเมืองไทยเพราะวีซ่าถูกยกเลิกและให้รอฟังคำตัดสินของศาล แดเนียลคิดว่า การที่ชายคนดังกล่าว มีพฤติกรรมที่ว่า ก็เพราะเขาอาจจะมีมุมมองที่ว่า เมืองไทยเป็นประเทศที่เสื่อมโทรมในเรื่องพวกนี้ อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย ซึ่งยังมีมุมอื่นๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยที่ทุกคนควรจะต้องให้ความเคารพด้วย เขาอาจจะไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยและวัฒนธรรมของคนที่นี่เลย แดเนียลยอมรับว่า ก่อนที่เขาจะมาเมืองไทย เขาก็ไม่ได้ทราบอะไรมากเกี่ยวกับที่นี่ เหมือนๆกับทุกคน ที่เคยได้ยินมาก็เรื่องของสาวประเภทสอง และอะไรแปลกๆบางอย่าง แต่พอมาใช้ชีวิตที่นี่ดูแล้ว เขาไม่เคยเจอประสบการณ์อะไรแบบนั้นเลย ไม่ว่าจะตอนไปโรงเรียนสอนภาษา ไปช้อปปิ้ง ขึ้นรถไฟฟ้า หรือไปตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ ยังไม่เคยเจออะไรที่มันดูเสื่อมเหมือนกับที่หลายคนรู้จักเมืองไทย แดเนียลบอกว่า ถ้าอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยให้ดีขึ้น ต้องศึกษาประวัติศาสตร์เมื่อหลายร้อยปีก่อน เมืองไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีชุมชนคนจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกเหนือไปจากประเทศจีนเอง ซึ่งก็ไม่นับไต้หวันเช่นกัน 15% ของประชากรไทยมีเชื้อสายจีน ตามความเข้าใจของแดเนียล ที่อาจจะตรงบ้างหรือไม่ตรงบ้าง กับประวัติศาสตร์ชาติไทย ว่ามีการอพยพของชาวจีนมายังเมืองไทยตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 มาแล้ว และทั้งสองชาติก็รวมตัวกันต่อสู้กับพม่า ไทยและจีนก็ยังมีความสัมพันธ์ทางการค้ากันเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็เกิดย่านเยาวราชในกรุงเทพฯ ซึ่งเศรษฐกิจของไทย ถูกครอบครองโดยคนไทยเชื้อสายจีนเป็นส่วนใหญ่ บริษัทห้างร้านใหญ่ๆในเมืองไทย ต่างมีคนไทยเชื้อสายจีน หรืออย่างน้อยก็มีเชื้อสายจีนบางส่วน เป็นเจ้าของแทบทั้งสิ้น แต่ก็ถือว่าคนเหล่านี้เป็นคนไทย ซึ่งวัฒนธรรมของจีน ก็ได้แทรกซึมเข้ามายังวัฒนธรรมของไทยเช่นกัน ประเด็นที่เขาพูดเรื่องนี้ก็คือ เมืองไทยไม่ได้มีแต่เรื่องแหล่งท่องเที่ยวโซนสีแดงหรือสาวประเภทสอง เมืองไทยเหมือนส่วนผสมของวัฒนธรรมไทยและจีนรวมอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเขาเองไม่ได้เจอแหล่งท่องเที่ยวอโคจรพวกนั้นเลย เพราะเขาเลือกจะไปแต่สถานที่หรูๆ ปกติทั่วไป อย่างเซ็นทรัลเวิร์ด สยามพารากอน ซึ่งเขาพบแต่คนที่แต่งตัวดีๆ หน้าตาดี ซึ่งหน้าตาเหมือนๆคนจีน ซึ่งมันเป็นข้อสังเกตของเขาหลังจากที่ได้อยู่เมืองไทยมาเกือบหนึ่งปี ซึ่งถ้าคุณไปเดินเล่นตามสถานที่หรูๆอย่างห้างสรรพสินค้าที่กล่าวไป คุณจะพบว่า 95% ของคนไทยที่เจอ จะหน้าตาเหมือนคนจีน แต่ถ้าคุณไปห้างสรรพสินค้าอย่าง Platinum Mall คุณก็จะเจอชาวมุสลิมหรืออินเดีย แต่ถ้าไปตามตลาดต่างๆ คนที่พวกคุณเจอจะหน้าเหมือนคนไทยที่มีผิวคล้ำกว่า

ที่มา:    • what its really like living in Thaila...